
การดื่มน้ำ นอกจากจะทําให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสแล้ว ยังทําให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายทํางานได้ดีอีกด้วยนะ เลยอยากจะขอแนะนําเทคนิคดีๆ ในการดื่มน้ำเพื่อสุขภาพมาฝากกัน
น้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของร่างกาย เป็นองค์ประกอบถึง 2 ใน 3 ของร่างกาย การที่เราได้รับน้ำในปริมาณที่น้อยเกินไปเซลล์เราจะแห้ง(สังเกตง่ายๆจากผิว) น้ำยังมีส่วนช่วยในการลำเลียงสารไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย ช่วยในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายไม่ว่าจะเป็นเหงื่อ หรือปัสสาวะ นอกจากนี้น้ำยังช่วยปรับสมดุลภายในร่างกายอีกด้วย
ใน 1 วัน ควรดื่มน้ำเท่าไหร่
ในทุกๆ วัน ร่างกายจะต้องสูญเสียน้ำผ่านทางการหายใจและการขับถ่าย จึงเป็นสิ่งที่จําเป็นมากที่จะต้องรับน้ำเข้าไปเพื่อทดแทนส่วนที่เสียไป และโดยปกติเราจะเสียน้ำจากการปัสสาวะเฉลี่ยวันละประมาณ 1.5 ลิตร และอีกเกือบถึง 1 ลิตรสำหรับ การหายใจและเหงื่อ “ซึ่ง ถ้าคุณดื่มน้ำให้ได้วันละ 2 ลิตร (ประมาณ 8 แก้ว) ก็จะช่วยทดแทนการสูญเสียน้ำในส่วนนี้ได้ค่ะ
แต่สําหรับปริมาณน้ำที่ควรดื่มให้ได้ภายใน 1 วันเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณเองแล้ว ถ้าเป็นหนุ่มๆ ควรดื่มให้ได้วันละ 3 ลิตร (ประมาณ 13 แก้ว) ส่วนสาวๆ วันละ 2.2 ลิตร (ประมาณ 9 แก้ว)” ก็โอ.เค.แล้วค่ะ สําหรับสาวๆ สปอร์ตี้เกิร์ล
จะต้องดื่มน้ำในปริมาณที่เยอะกว่าคนปกตินะคะ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของกิจกรรมที่ทําด้วย ถ้าคุณออกกําลังกายในช่วงสั้นๆ ก็ควรจะดื่มน้ำเพิ่มเข้าไปครั้งละ 1-2 แก้วหลังจากออกกําลังกายแล้ว แต่ถ้าเป็นช่วงยาวๆ ละก็เพิ่มขึ้นอีกสัก 2-3 แก้วก็ น่าจะเพียงพอแล้ว
เทคนิคการดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ
1. ปริมาณน้ำที่ต้องดื่มต่อวันคือ 2-3 ลิตร (ได้จากน้ำดื่ม 1.0-1.5 ลิตร จากอาหาร เช่น ข้าว ผัก ผลไม้ 1.0-1.5 ลิตร) จึงจะมีปริมาณพอเพียงต่อร่างกาย อากาศร้อนจัด ปริมาณน้ำที่ดื่มต้องเพิ่มจำนวนขึ้น คนมีอายุสูงขึ้น กลไกลการ กระหายน้ำเสื่อมลง ความรู้สึกกระหายน้ำลดลง ก็ควรสนใจการดื่ม น้ำให้เพียงพอ
2. กินผัก ผลไม้ให้มาก เพราะอุดมด้วยวิตามิน เกลือแร่ และมีส่วนประกอบของน้ำมากกว่าร้อยละ 90 (ผักมีส่วนประกอบของน้ำร้อยละ 95 ผลไม้มีส่วนประกอบของน้ำร้อยละ 90) ดังนั้น กินผักผลไม้ 500 กรัม เท่ากับดื่มน้ำ 400 ซีซี
3. การดื่มเครื่องดื่มดับกระหาย ต้องคำนึงถึงผลกระทบระยะยาวด้วย เครื่องดื่มทั่วไปมักใช้ดื่มเพื่อดับกระหาย จะสังเกตพบว่ายิ่งดื่มยิ่งกระหาย ถ้าเป็นเครื่องดื่มที่มีปริมาณไขมันและมีแคลอรีสูง การดื่มปริมาณมาก บ่อยๆ จะเกิดโทษ เช่น ทำให้เป็นเบาหวาน หรือไขมันในเลือดสูง เกิดพิษสะสมในร่างกาย
4. ถ้ามีการเสียน้ำมาก และกระหายน้ำมาก ควรใช้เกลือผสมเล็กน้อย เพื่อทำให้ช่วยดับกระหาย แต่ไม่ควรดื่มมากเกินไป
5. ไม่ควรดื่มเบียร์ หรือกินน้ำแข็งเพื่อดับกระหาย เพราะจะเป็นอันตรายต่อระบบการย่อยอาหารในระยะยาว ร่างกายจะอ่อนแอ มีความ เย็นในร่างกายตกค้าง มีของเสียตกค้าง พลังของร่างกายจะอ่อนแอ
6. ไม่ควรดื่มน้ำเย็น หรือดื่มน้ำปริมาณมากหลังกินอาหาร เพราะจะไปเจือจางความเข้มข้นของน้ำย่อย ทำให้การย่อยอาหารไม่ดี เป็นโรคกระเพาะ
7. ไม่ปล่อยให้กระหายน้ำเต็ม ที่แล้วค่อยมาดื่มน้ำ มีความหมายเช่นเดียวกับปล่อยให้ดินแห้งแตกระแหงแล้วค่อยมารดน้ำซึ่งจะสายเกินแก้ เป็นอันตรายต่อร่างกาย การที่มีอาการกระหายน้ำแล้วแสดงว่า ร่างกายมีภาวะขาดน้ำ ถ้ากระหายน้ำเต็มที่แสดงว่าขาดน้ำของ ร่างกาย หรือเซลล์รุนแรง ทำให้มีของเสีย สารพิษตกค้างอยู่มาก ไม่สามารถระบายขับทิ้งได้ (ขาดน้ำไปละลายหรือนำพาสารพิษ) ทำให้ระบบร่างกายอ่อนแอของเสียตกค้าง สะสม โดยทั่วไปควรได้น้ำ 2.5 ลิตรต่อวัน (ประมาณ 8 แก้ว)
8. ดื่มน้ำมากไปก็เป็นโทษ มีความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับการแนะนำ การดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ เช่น ดื่มครั้งเดียวปริมาณมากๆ ตอนตื่นนอน เพื่อขับล้างของเสียในร่างกาย ร่างกายคนเราเมื่อขาดน้ำ ปัสสาวะจะน้อย เมื่อน้ำเกินปัสสาวะ จะมาก โดยอาศัยการทำงานของไตเป็นตัวควบคุม คนปกติที่ไม่ขาดน้ำ ถ้าได้รับน้ำปริมาณมาก ทำให้ไตทำงานหนักขึ้น ทำให้เลือดเจือจาง แรงดันในการดูดซึมของสารอาหารสู่เซลล์น้อยลง ปริมาณน้ำในเซลล์มากขึ้น ทำให้เซลล์บวมน้ำ เกิดพิษต่อเซลล์ เกิดอาการเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้อง ถ้าเซลล์บวมน้ำมากขึ้นจะมีอาการง่วงนอน กระตุก มองไม่ชัด หัวใจเต้นช้า หายใจช้า เป็นลม เป็นต้น ดังนั้น การดื่มน้ำจึงต้องพอเหมาะ ไม่มากหรือน้อยเกินไป การดื่มน้ำมากเกินเป็นเวลานาน จะทำให้เป็นผลเสียกับร่างกาย
9. ไม่ดื่มน้ำอย่างรวดเร็วจนเกินไป บางคนพอกระหายน้ำ ก็รีบดื่มน้ำให้หมดทันทีทันใด การดื่มเช่นนี้จะมีผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ ทำให้หัวใจอ่อนแรงในระยะยาว เพราะปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น อย่างรวดเร็วทำให้ไตควบคุมการขับน้ำไม่ได้ทันทีทันใด ก็จะมีปริมาณน้ำในหลอดเลือดมากแล้วก็ไปเพิ่มภาระการสูบฉีดของหัวใจ
น้ํา8แก้วเท่ากับกี่ลิตร คิดคำนวณกันดู
8 แก้ว = 2 ลิตร แนะนำให้ซื้อเป็นขวดใหญ่ทีเดียวดีกว่า เพราะมันจะประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าครับ ถ้าซื้อขวดเล็ก 5 ขวด ขวดละ 600 มล. 5 ขวด จะเท่ากับ 3 ลิตร ตกขวดละ 7 บาท จะเท่ากับว่าเราจะเสียค่าน้ำในวันนั้น 35 บาทเลยทีเดียว
แต่ถ้าเราซื้อขวด 1.5 ลิตร ขวดละ 13 บาท ซื้อ 2 ขวด ก็ได้น้ำ 3 ลิตรเหมือนกัน แต่เราจะเสียค่าน้ำแค่ 26 บาทเอง ถกกว่าตั้ง 8 บาทแหนะ คุ้มกว่าเห็นๆ 🙂 แล้วทีสำคัญ ขวดสามารถไปเติมน้ำกรองได้เองอีก กรอง 1 ขวดก็ 1 บาท ไม่จำเป็นต้องซื้อให้แพงอีกต่อไป